กะเพราตำรับยาแก้ท้องอืด
ผู้เข้าชมรวม
3,879
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
โครงงาน
เรื่อง กะเพราตำรับยาแก้ท้องอืด
วิชา กิจกรรมสร้างสรรค์ประโยชน์
จัดทำโดย
นางสาว ญารินี เหล่ากาสี เลขที่ 10
นางสาว อารียา จำปาแก้ว เลขที่ 42
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2
ครูที่ปรึกษาโครงงาน
คุณครู ปราณปรียา คุณประทุม
อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 30
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
โครงงาน
เรื่อง กะเพราตำรับยาแก้ท้องอืด
คณะผู้จัดทำ
1. นางสาว ญารินี เหล่ากาสี เลขที่ 10
2.นางสาว อารียา จำปาแก้ว เลขที่ 42
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2
อาจารย์ที่ปรึกษา
คุณครู ปราณปรียา คุณประทุม
โรงเรียนแก้งคร้อวิทยา
อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
บทคัดย่อ
การทำโครงงานนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการทราบว่าใบกะเพรามีสรรพคุณแก้อาการท้องอืด แน่นท้องได้ โดยการศึกษาได้ค้นคว้าข้อมูลและทดลองโดยการทำน้ำกะเพราโดยนำใบกะเพรามาต้มดื่ม ผลการศึกษาและทดลอง พบว่ากะเพราช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ เพราะใบกะเพราประกอบด้วย Linaloo และ methyl chavicol เป็นยาแก้ขับลม และในใบมีน้ำมันหอมระเหยอยู่เป็นจำนวนมาก
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานฉบับนี้สำเร็จได้ด้วยความช่วยเหลือและสนับสนุนจากบุคคลหลายฝ่าย ผู้จัดทำโครงงานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งและขอกราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย นางสาว ปราณปรียา คุณประทุม อาจารย์ที่ปรึกษา ที่กรุณาให้ความรู้ คำปรึกษา ข้อเสนอแนะทางวิชาการ และ ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้สามารถมีความรู้ในการศึกษาและทำโครงงาน คุณยายทองดัด ปราบพาลา ที่ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสมุนไพรไทย เพื่อน ๆ ในห้องชั้น ม.4/2 ทุกคน ที่ได้ให้คำปรึกษา และเป็นกำลังใจ
คุณพ่อ คุณ
คณะผู้จัดทำ
นางสาว ญารินี เหล่ากาสี
นางสาว อารียา จำปาแก้ว
12/2/2554
ที่มาและความสำคัญ
เพิ่มเติม
1. ถ้าใช้กะเพราแดงจะได้ผลดีกว่า
2. จำไว้ว่า กะเพราเป็นสมุนไพรธาตุร้อน ถ้าดื่มน้ำกะเพราไปแล้วเกิดอาการร้อนใน ให้ลดปริมาณ น้ำกะเพราลง
3. อาการหนักประมาณ 6 - 7 แก้ว และหลังจากวันแรกที่ดื่ม ถ้าอาการทุเลาให้ลดปริมาณน้ำกะเพราลง ดื่มเฉพาะหลังอาหาร มื้อละ 1 - 2 แก้ว แต่ไม่ควรเกิน 4 แก้วต่อวัน
4. ยาสมุนไพรไทย ใช้เวลารักษานานถึงจะหาย ต้องกินเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องทานยาเคมีสังเคราะห์เข้าช่วยเลย
กะเพรา
ชื่ออื่น: กอมก้อ กอมก้อดง (เชียงใหม่) กะเพราขาว กะเพราแดง (ภาคกลาง)
ลักษณะ: กะเพรามี 3 พันธุ์ คือ กะเพราขาว กะเพราแดง กะเพราลูก (ผสมระหว่างกะเพราขาวและแดง) แตกกิ่งก้าน ใบ เดี่ยว แผ่นใยมีขน ดอก ช่อ ถ้ากะเพราแดงกลีบดอกสีชมพู กะเพราขาวกลีบดอกสีขาวผล ขนาดเล็ก ใน 1 ดอกย่อย จะให้ผลย่อย 4 ผลส่วนที่ใช้ ใบและยอด รสเผ็ดร้อน
สรรพคุณน่ารู้ : กระเพรา ส่วนที่ใช้ :ใบ เมล็ด ราก
สรรพคุณ:ใบ : ใบสดของมัน มีน้ำมันหอมระเหยอยู่ ซึ่งประกอบด้วย linalool และ methyl chavicol เป็นยาแก้ขับลม ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง บำรุงธาตุ ขับผายลม แก้อาการจุกเสียดในท้อง ให้ใช้ใบสด หรือยอดอ่อนสก 1 กำมือ มาต้มให้เดือดแล้วกรองน้ำดื่ม แต่ถ้าใช้กับเด็กทารกให้เอามาตำให้ละเอียดคั้นเอาน้ำมาผสมกับน้ำยามหาหิงคุ์แล้วใช้ทาบริเวณรอบ ๆ สะดือ และทาที่ฝ่าเท้า แก้อาการปวดท้องของเด็กได้ และน้ำที่เราเอามาคั้นออกจากใบยังใช้ขับเสมหะ ขับเหงื่อ หรือใช้ทาภายนอกแก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อนได้ นอกจากนี้ ใบสดยังนำมาผัด หรือนำมาแกงเป็นอาหารได้อีก สำหรับใบแห้ง ใช้ชงกินกับน้ำ แก้ท้องขึ้นท้องเฟ้อ และน้ำมันที่ได้จากใบกะเพรานั้นสามารถยับยั้งการเจริญเติบฌตของเชื้อโรคบางชนิด ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บางชนิด และมีฤทธิ์ฆ่ายุงได้ จะมีฤทธิ์ได้นาน 2 ชั่วโมง เมล็ด นำไปแช่น้ำเมล็ดก็จะพองตัวเป็นเมือกขาว ใช้พอกบริเวณตา เมื่อตามีผง หรือฝุ่นละอองเข้า ผงหรือฝุ่นก็จะออกมา ซึ่งจะไม่ทำให้ตาเรานั้นช้ำอีกด้วย ราก ใช้รากที่แห้แล้ว ชงหรือต้มกับน้ำร้อนดื่ม แก้โรคธาตุพิการ
สรรพคุณ
1. ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม การที่กะเพราสามารถขับลมได้ เพราะในใบมีน้ำมันหอมระเหยอยู่เป็นจำนวนมาก ใช้กะเพรา 1กำมือ ใบสดประมาณ
2. บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ที่เกิดจากธาตุไม่ปกติ การที่กะเพราบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ เหตุผลเดียวกับช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ลักษณะการรักษาเหมือนกับอาการท้องอืด ท้องเฟ้อขับลม
กะเพรา
ชื่อท้องถิ่น กะเพราขาว, กะเพราแดง (ทั่วไป), กอมก้อ (เหนือ)
ลักษณะของพืช: เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก โคนต้นแก่เป็นไม้เนื้อแข็ง ลำต้นและใบมีขนอ่อน ใบมีกลิ่นหอมฉุนรูปร่างรี
ปลายใบและโคนใบแหลมหรือมนเล็กน้อย ขอบใบหยัก ดอกออกเป็นช่อ ดอกย่อยออกรอบแกนกลางเป็นชั้น ๆ
กะเพราปลูกเป็นพืชสวนครัวมีอยู่ทั่วไป มีกะเพราขาวและกะเพราแดง กะเพราขาวมีส่วนต่าง ๆ เป็นสีเขียว
ส่วนกะเพราแดงมีส่วนต่าง ๆเป็นสีเขียวอมม่วง
ส่วนที่ใช้เป็นยา : ใบสดหรือแห้ง
ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา
เก็บใบสมบูรณ์เต็มที่ ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป
รสและสรรพคุณยาไทย: รสเผ็ดร้อนเป็นยาตั้งธาตุ แก้ปวดทั้งปวง ท้องขึ้น จุกเสียดในท้อง ใช้แต่งกลิ่นแต่งรส
วิธีใช้: ใบกะเพราแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียดและปวดท้อง โดยใช้ใบและยอดกะเพรา 1 กำมือ(ถ้าสดหนัก
หรือนำมาปรุงเป็นอาหารรับประทานแก้ท้องอืด จำนวนยาและวิธีใช้แบบเดียวกันนี้ ใช้แก้อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากไม่ปกติได้(กองการประโรคศิลปะ . 2541 : 105-106) โรคกรดไหลย้อน ท้องอืด :: วิธีรักษาด้วยน้ำกะเพรา (สมุนไพรไทย) โรคกรดไหลย้อน ท้องอืด น้ำกะเพราช่วยท่านได้อาการเตือนเบื้องต้นก่อนจะเป็นโรคท้องอืด
1. มีอาการเรอหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ และเริ่มเหม็นเปรี้ยวขึ้นเรื่อยๆ
2. ไม่มีการผายลมมาหลายวัน
3. เริ่มรู้สึกปวดท้องเล็กๆน้อยๆ หลังจากกินอาหารเสร็จ
สูตรนี้ได้มาจาก นพ.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์
ประโยชน์ของกะเพรา
กะเพรา ช่วยขับลม เป็น Buffer ปรับสมดุลกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยเร่งการย่อยอาหาร ได้ผลดีเยี่ยมกับคนที่เป็นโรคลำไส้เล็ก เช่น จุกเสียดในลำไส้เล็ก (โรคนี้เวลาเป็นเหมือนถูกแทงด้วยหลาว นั่งอยู่ดีๆก็เจ็บเหมือนถูกแทง หรือถูกต่อย)
วัตถุประสงค์
1)เพื่อศึกษาสรรพคุณของกะเพรา
2)เพื่อต้องการทราบว่า ใบกะเพราแก้อาการท้องอืดได้จริง
3)เพื่ออนุรักษ์สมุนไพรไทยให้อยู่กับคนไทย
สมมติฐานของการศึกษา
- กะเพราสามารถแก้อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้องได้
วิธีการศึกษาทดลอง
ในการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1) ค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งข้อมูล ได้แก่ สอบถามจากคนในชุมชน หนังสือและ
2) อินเทอร์เน็ต
2) ทดลงโดยการทำน้ำกะเพราสมุนไพร
2.1ขั้นตอนการทดลอง
1. นำกะเพรา 1 กำ (ทั้งลำต้นและใบ) ประมาณ 1 ขีด มาล้างน้ำให้สะอาด
2. ใส่น้ำ 2 - 3 ลิตรลงในหม้อ นำกะเพราใส่ลงไปทั้งหมด
3. ปิดฝาหม้อ ใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ต้มประมาณ 15 - 20 นาที พอน้ำเดือดให้ปิดแก๊สทันที
4. ดื่มหลังอาหาร 1 แก้ว 250 ml ( ถ้าน้ำกะเพราเย็นลงหรือ ดื่มไม่หมด ให้แช่เย็นไว้ดื่ม)
5. เมื่อดื่มแล้วสังเกตอาการและดื่มต่อเนื่องกันเป็นเวลา 1 สัปดาห์
6. เมื่อครบ 1 สัปดาห์ สังเกตอาการแล้วบันทึกผล
อภิปรายผล
สรุปผลการศึกษาทดลอง
จากการศึกษาพบว่า กะเพราเป็นยาสมุนไพรที่สามารถรักษาอาการจุกเสียดแน่นท้องได้จริง เมื่อดื่มน้ำกะเพราลงไปจะรู้สึกสดชื่น กะเพราเป็น Buffer ปรับสมดุลกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยเร่งการย่อยอาหาร ได้ผลดีเยี่ยมกับคนที่เป็นโรคลำไส้เล็ก เช่น จุกเสียดในลำไส้เล็ก
ประโยชน์จากการศึกษา
1.พบว่ากะเพรานั้นสามารถลดอาการจุดเสียดได้จริง
2.ทราบว่าในใบกะเพรามีตัวยาสำคัญ คือ Linaloo และ methyl chavicol เป็นยาแก้ขับลม
3.น้ำกะเพรานอกจากจะขับลมแล้วยังสามารถขังเหงื่อและทารักษากากเกลื้อนอีกด้วย
ข้อเสนอแนะ
1. ถ้าใช้กะเพราแดงจะได้ผลดีกว่า
2. จำไว้ว่า กะเพราเป็นสมุนไพรธาตุร้อน ถ้าดื่มน้ำกะเพราไปแล้วเกิดอาการร้อนใน ให้ลดปริมาณ น้ำกะเพราลง
3. อาการหนักประมาณ 6 - 7 แก้ว และหลังจากวันแรกที่ดื่ม ถ้าอาการทุเลาให้ลดปริมาณน้ำกะเพราลง ดื่มเฉพาะหลังอาหาร มื้อละ 1 - 2 แก้ว แต่ไม่ควรเกิน 4 แก้วต่อวัน
4. ยาสมุนไพรไทย ใช้เวลารักษานานถึงจะหาย ต้องกินเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องทานยาเคมีสังเคราะห์เข้าช่วยเลย
ภาคผนวก
เอกสารอ้างอิง
http://mydegage.com
www.chuankin.com
ผลงานอื่นๆ ของ E~DeN^^ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ E~DeN^^
ความคิดเห็น